ไม่มีสกอร์ สมกับเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีจริงๆ สำหรับ อังกฤษ ปะทะ สกอตแลนด์
ไม่มีสกอร์ สมกับเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีจริงๆ สำหรับ อังกฤษปะทะ สกอตแลนด์ หากแม้เกมนี้จะจบลงแบบไม่มีสกอร์ก็ตาม แต่ว่าทั้งคู่กลุ่มแลกหมัดกันอย่างเต็มเปี่ยม แล้วก็ได้โอกาสทำแต้มได้เท่าๆกัน แม้กระนั้นในที่สุดจำต้องแบ่งแต้มกันไปท้ายที่สุด
แมตช์นี้สิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับสาวก “สิงโตคำราม” อาจจะหนีไม่พ้นเกมรุกที่ขาดความเฉียบคม โดยยิ่งไปกว่านั้น แฮร์รี่ เคนกับ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ไม่สามารถที่จะบีบคั้นแนวรับของ สกอตแลนด์ ได้มากนัก ระหว่างที่ฝั่งกองทัพ “ตาร์ตัน” จำเป็นต้องบอกเลยว่า สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ปฏิบัติภารกิจเป็นกองข้างหลังจำเป็นจะต้องได้อย่างแข็งแกร่งจริงๆ
ผลเสมอในแมตช์นี้เป็นการต่อลมหายใจให้กับ สกอตแลนด์ สำหรับการลุ้นเข้ารอบ 16 กลุ่มท้ายที่สุด โดยเกมลำดับที่สามที่จำเป็นต้องเจอกับ โครเอเชีย ที่มี 1 คะแนนเสมอกัน แม้พวกเขาสามารถเอาชนะได้ ก็มีลุ้นที่จะเป็นกลุ่มอันดับ 3 ที่เหมาะสมที่สุดที่กำลังจะได้ตั๋วไปเล่นในรอบน็อกเอาต์
ในขณะ อังกฤษจะต้องดวลกับ สาธารณรัฐเช็กที่มี 4 คะแนนเสมอกันในเกมท้ายที่สุด ก็จำต้องบอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรบ้างที่อยู่ในการผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อกเอาต์ แต่ว่าเรื่องสำคัญก็คืออันดับในกลุ่ม ดี เพราะเหตุว่าการได้แชมป์กลุ่ม กับรองแชมป์กลุ่ม ส่งผลอย่างยิ่งสำหรับการจะไปพบกับกลุ่มไหนในรอบถัดไป
เคนหายไปไหน !! หากอังกฤษต้องการจะไปให้สุดทางในศึกยูโร 2020 พวกเขาควรต้องทำให้ แฮร์รี่ เคนระเบิดฟอร์มทำประตูราวกับที่เจ้าตัวชี้ให้เห็นกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แม้กระนั้นสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่ฟอร์มของศูนย์หน้าผู้ครอบครองรางวัลดาวซัลโวศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลปัจจุบัน
ผลงานในสนามทำให้เห็นว่า เคนขาดอีกทั้งความรวดเร็ว, การเล่นที่เข้ากันกับเพื่อนพ้องร่วมทีม, ไม่สามารถครอบครองบอลได้เลย แล้วก็ที่สำคัญไม่มีจังหวะเข้าไปก่อเรื่องให้กับ เดวิด มาร์แชลล์ ผู้เฝ้าประตูกองทัพ “ตาร์ตัน” สวนทางกับ เช อดัมส์ ที่เล่นเกมบุกให้ สกอตแลนด์ ได้สะดุดตามากยิ่งกว่า
แมตช์นี้อังกฤษ พยายามให้ หัวหอก “ไก่เดือยทอง” เข้าไปเล่นในกรอบจุดโทษ แต่ว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเหตุว่าเจ้าตัวจำเป็นต้องลงมาเล่นลึกเพื่อหาพื้นที่ว่าง รวมทั้งพยายามต่อบอลกับเพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม แม้กระนั้นในที่สุดก็ไม่เป็นผล
แกเร็ธ เซาธ์เกตกุนซือชาติอังกฤษ ควรต้องกระตุ้นให้ เคนกลับมาอยู่ในฟอร์มยอดคนกระหน่ำประตูอีกที แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันจะโดน ศูนย์หน้าสเปอร์ส เพียงผู้เดียวก็ไม่ถูก เนื่องจากว่าผู้เล่นเกมรุกของ “สิงโตคำราม” ก็ทำผลงานได้เสื่อมโทรมเหมือนกัน
ราฮีม สเตอร์ลิง มีดีเพียงแค่สอยเท้ายิกๆและก็ใช้ความเร็ววิ่งฉีกหนีทางริมเส้น นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันดับ ตอนที่ เมสัน เมาน์ท มองสะดุดตามากๆในครึ่งแรก แม้กระนั้นช่วงหลังก็ไม่สามารถที่จะสร้างช่องทางให้กับสหายร่วมกลุ่มได้มากนัก
ไม่มีสกอร์ ด้วยเหตุดังกล่าวนี่ เป็นปัญหาข้อใหญ่ที่เซาธ์เกต จำเป็นต้องนำกลับไปขบคิดเพื่อจัดการกับปัญหาเป็นการด่วน อย่าลืมว่า เคนมีคุณภาพสำหรับการจบสกอร์อยู่แล้ว ถ้าเขาสามารถจับจังหวะการเล่นได้ดังเดิม ประกอบกับเพื่อนฝูงร่วมกลุ่มสร้างช่องทางได้เป็นประจำงานนี้คงจะได้มองเห็นชื่อของ เคนอยู่บนสกอร์บอร์ดแน่นอน ข่าวกีฬาล่าสุด
เกมนี้จะจบลงแบบไม่มีสกอร์ก็ตาม แต่ว่าทั้งคู่กลุ่มแลกหมัดกันอย่างเต็มเปี่ยม
ไม่มีสกอร์ ฟอร์มฟูลแบ็กยังจำเป็นต้องปรับปรุงกันถัดไป ผู้คนจำนวนมากคิดว่า เซาธ์เกตช่างโชคดีอย่างมากที่มีฟูลแบ็กให้เลือกใช้งานมากมายก่ายกอง แต่ว่าท้ายที่สุดผลงานจาก 2 เกมก่อนหน้าที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าตำแหน่งตัวบุกปีกซ้าย แล้วก็ตัวบุกปีกขวาของทีมเล่นไม่ได้อย่างที่ทำเป็นกับสังกัดเดิม
แมตช์นี้ คีแรน ทริปเปียร์ กับ ไคล์ วอล์คเกอร์ โดนดร็อปข้างหลังเล่นไม่ค่อยดีนักในเกมเฉือน โครเอเชีย แล้วก็ให้โอกาส ลุค ชอว์ กับ รีส เจมส์ ได้ลงปฏิบัติภารกิจตัวจริง โดยเหตุผลที่ เซาธ์เกตเลือกทั้งสองด้วยเหตุว่าพวกเขามีเล่นบอลได้มีคุณภาพ เจมส์ เล่นเกมบุกได้ค่อนข้างจะน่าพึงพอใจ แล้วก็มีจังหวะสำคัญที่เปิดให้ เคนได้ลุ้นทำแต้มในครึ่งแรก
นอกเหนือจากนี้ ตัวบุกปีกขวาจากกองทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ยังเป็นผู้เล่นที่คิดเร็วทำเร็ว แม้กระนั้นโชคร้ายตรงที่จังหวะการเปิดบอลเข้าไปในกรอบจุดโทษของเขายังขาดความเที่ยงตรงไปหน่อย ส่วนความดีความชอบอาจจะหนีไม่พ้นการวิ่งเข้ามาโหม่งสกัดหน้าประตูจังหวะที่ ลินดอน ไดค์ส ไม่อย่างนั้นเกมนี้ผลบางทีอาจไม่เป็นอย่างนี้
ในส่วนของ ชอว์ เกมนี้จำเป็นต้องกล่าวว่าไม่มีอะไรเด่นเท่าไรนัก แม้กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้กลุ่มเสียหายเหมือนกัน สิ่งที่น่าเสียดาย ก็คืออังกฤษ มีผู้เล่นฟูลแบ็กชั้นยอดที่โชว์ฟอร์มได้เยี่ยมที่สุดกับสังกัดเดิม แต่ว่าพอเพียงมาเล่นให้กลุ่มชาติผลงานของพวกเขาดร็อปลงไปพอเหมาะพอควร
งานนี้แฟนบอล “ทรี ไลอ้อนส์” คงจะคิดเสียดาย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่จำต้องถอนตัวเพราะว่ามีปัญหาบาดเจ็บ เชื่อหากเขาได้ลงสู่สนามในแมตช์นี้ จังหวะการเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาจะอันตรายกว่าเดิมหลายเท่า
กิลมัวร์-แม็คโทมิเนย์ ฟอร์มเด็ดดวง สำหรับฝั่งสกอตแลนด์ จะต้องสารภาพว่าทำผลงานได้ดีเกินขาด นักฟุตบอลกองทัพ “ตาร์ตัน” ช่วยเหลือกันเล่นช่วยเหลือกันไล่บี้จนถึงทำให้ผู้เล่นอังกฤษทำอะไรไม่สะดวก แต่ว่าถ้าหากจะหาผู้ที่โชว์ฟอร์มเด่นที่สุดก็มี 2 คนนั่นก็คือ บิลลี่ กิลมัวร์ กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
เจ้าหนูดาวรุ่งจากรั้วเชลซี ปฏิบัติหน้าที่คุมแดนกลางได้อย่างแน่นแฟ้น คอยจัดการแผงกองกลาง “สิงโตคำราม” ได้อย่างมีคุณภาพ ที่สำคัญยังครอบครองบอลได้อย่างแน่นแฟ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นการปะทะกับ เมสัน เมาน์ท เพื่อนฝูงร่วมขึ้นตรงต่อก็สู้ได้สบายๆ
กองกลางร่างเล็ก วัย 20 ปีได้ลงเล่นตัวจริงเกมแรกให้กับ สกอตแลนด์ เพียงแค่ผลงานเกินวัยจริงๆเขาวิ่งแบบไม่เคยรู้เหนื่อย และก็มีบ่อยที่ช่วยตัดเกมไม่ให้อังกฤษเล่นได้ถนัด ด้วยเหตุนี้ก็เลยไม่แปลกเลยที่เจ้าตัวจะได้รับเลือกเป็นสตาร์ ออฟ เดอะ แมนช์ ในเกมนี้
ส่วนอีกผู้ที่จำเป็นต้องพูดว่าฟอร์มใกล้เคียงกับ กิลมัวร์ ก็คือ แม็คโทมิเนย์ ถึงแม้เจ้าตัวควรต้องลงไปเล่นเป็นแผงแผงหลังก็ตาม แม้กระนั้นก็โชว์ฟอร์มได้หนักแน่น จัดแจงแนวรุกฝั่งซ้ายของอังกฤษอยู่หมัด สามารถโจมตี สเตอร์ลิง ไม่ให้แผลงฤทธิ์ได้อย่างเต็มเปี่ยม
นอกเหนือจากนั้น “แม็คโท” ยังเพียรพยายามช่วยกลุ่มสำหรับการแปลงเกมรับให้เป็นเกมรุกได้ในทันทีเมื่อได้โอกาสสวนกลับ ดังนั้นจำต้องพูดว่า อังกฤษโชคดีมากๆที่ จอมบุกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่เขาถนัด ไม่เช่นนั้นบางครั้งก็อาจจะได้เห็นทีเจ๋งมากมากกว่านี้จากเขาก็ได้
กรีลิช-ซานโช่ ถึงเวลาพอดีจริง ชื่อของ แจ็ค กรีลิช กลายเป็นหลักสำคัญให้หลายท่านสงสัยว่าเพราะอะไร เซาธ์เกตถึงไม่มอบโอกาสเขาลงเป็นตัวจริง ถึงแม้ว่าฟอร์มในระดับสมาคมของเจ้าตัวก็เด่นไม่มีความแตกต่างกับ สเตอร์ลิง รวมทั้ง ฟิล โฟเด้น ด้วย
ถ้าหากดูฟอร์มของ “ทรี ไลอ้อนส์” ตั้งแต่นาทีแรกจนกระทั่งนาทีที่ 63 พวกเขาไม่สามารถที่จะครอบครองเกมแดนกลางได้มากนัก แต่ว่าพอเพียง กรีลิช ถูกสลับตัวลงไปแทน โฟเด้น จะเห็นได้ชัดเจนว่า อังกฤษมีการครอบครองบอลที่แน่นอน แล้วก็น่าสะพรึงกลัวเพิ่มมากขึ้น
ครั้งใดก็ตามบอลอยู่ที่เท้า สตาร์ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า เขาสามารถร่ายเวทมนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และก็ที่สำคัญความรู้ความเข้าใจส่วนตัวของ กรีลิช ยังปั่นป่วนแนวรับของ สกอตแลนด์ ได้มากกว่าในตอนที่มี โฟเด้น อยู่ในสนามด้วย
อีกหนึ่งผู้ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยจริงๆมันก็คือ เจดอน ซานโช่ ปีกจอมพลิ้ว ที่ยังไม่ได้ลงในสนามในศึกยูโร 2020 เลย ในเวลานี้ เซาธ์เกตจำเป็นจะต้องใช้งาน สตาร์ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพราะเหตุว่า อังกฤษจะได้ประโยชน์จากความรวดเร็ว แล้วก็การเล่นที่กล้าได้กล้าเสียของเขา
ด้วยเหตุนี้ในเกมในที่สุด กลุ่ม ดี ถ้าหาก เซาธ์เกตอยากผลที่ได้รับจากการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งต้องการให้ เคนกลับมาทำประตูเป็นกอบเป็นกำด้วย เขาจะต้องใช้งาน กรีลิช กับ ซานโช่ เป็นตัวจริงเพื่อช่วยเหลือกันประดิษฐ์เกมรุกที่นานัปการ ส่วน สเตอร์ลิง กับ โฟเด้น ก็คงจะทดลองไปนั่งตบยุ่งที่ซุ้าม้านั่งสำรองบ้างก็ได้
โฟเด้น เล่นไม่ออก, ฟิลลิปส์ เงียบสนิท จุดที่จะต้องพูดว่าเป็นสิ่งที่ เซาธ์เกต จำต้องรีบปรับแก้ไม่ใช่แค่เกมรุกเพียงแค่นั้น แต่ว่ายังมีเกมแดนกลางของอังกฤษ ด้วย เพราะเหตุว่าแมตช์นี้ทุกๆคนได้มองเห็นเต็มสองตาแล้วว่า ฟิล โฟเด้น ไม่อาจจะทำผลงานเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย
โฟเด้น ที่อุตสาห์ลงทุนทำผมทองจนถึงหลายคนหวนคิดถึง พอล แกสคอยน์ ตำนานผู้นำกองทัพในศึกยูโร 96 แต่ว่าฟอร์มของนักฟุตบอลคนละเรื่องกับ “แกซซ่า” ราวฟ้ากับเหว โดยยิ่งไปกว่านั้นในแมตช์นี้เจ้าตัวไม่ได้สร้างประโยช์อะไรเท่าไรนัก แถมยังโดน คีแรน เทียร์นี่ย์ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ทำร้ายทางฝั่งซ้ายตลอด
อีกรายที่เล่นได้ต่ำลงยิ่งกว่ามาตรฐานมันก็คือ คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่โชว์ฟอร์มอย่างเทวดาในแมตช์เชือด โครเอเชีย จนถึงหลายๆคนชมเชยว่ามีส่วนผสมของ “กัตตูโซ่, ปีร์โล่ รวมทั้ง กาก้า” อยู่ในตัว แม้กระนั้นสำหรับผลงานในแมตช์นี้เขาแทบจะไม่มีอำนาจกับทีมเลย และไม่สามารถดันเกมรุกช่วย อังกฤษได้ เหมือนกับในเกมเจอ “ตาหมากรุก”
ไม่มีสกอร์ ส่วนที่พอเพียงจะกู้หน้าให้กับแผงกองกลางของอังกฤษได้บ้างก็คือ เมาน์ท เพราะเหตุว่านักฟุตบอลจัดว่าโชว์ฟอร์มได้เยี่ยมที่สุดในครึ่งแรก รอวิ่งตามบี้นักฟุตบอลสกอตติช และก็ยังดันเกมรุกได้อันตรายอย่างยิ่งๆแถมชิงไหวชิงพริบกับ กิลมัวร์ ได้สนุกสนานสุดๆที่สำคัญได้โอกาสทำคะแนนได้จากการส่งของ สเตอร์ลิง แต่ว่าซัดถาดเสาออกไป ส่วนช่วงหลังก็เฉยๆไม่ค่อยเป็นไปได้มากนัก สำรองทีเด็ด