การคัมแบ็ค เซาธ์เกต ยืนยันเห็นพัฒนาการของ กรีลิช หลังย้ายไปแมนฯซิตี้
การคัมแบ็ค แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติ อังกฤษ พูดถึงการพัฒนาด้านแทคติกของ แจ็ค กรีลิช นับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาแมนเชสเตอร์ ซิตี้โดยระบุว่าแข้งสายปาร์ตี้รายนี้ได้เรียนรู้อะไรมากมายที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม
เพลย์เมคเกอร์วัย 26 ปี ถูกเรียกตัวติดธงสำหรับการแข่งขัน เนชั่นส์ลีก ในเดือนมิถุนายนนี้กับ ฮังการี, เยอรมนี และอิตาลี ท่ามกลางเสียงทัดทานจากแฟนบอลเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของเขา
กระนั้น เซาธ์เกต ก็ยังยืนยันว่าการตัดสินใจของเขานั้นถูกต้องแล้ว พร้อมเชื่อว่า กรีลิช จะเล่นโดยปราศจากความกดดันลงอย่างแน่นอนเมื่อสามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในชีวิตของตัวเองมาได้ เซ็นสัญญาใหม่3ราย
“ชีวิตผมมันแปลกดีนะ ซัมเมอร์ที่แล้วคนพากันตำหนิที่ผมไม่ใช้งานเขา แต่ในตอนนี้ผมกลับมาโดนตำหนิในเรื่องที่ตรงกันข้ามกันเสียแล้ว” เซาธ์เกต กล่าว “ผมเชื่อว่าเขาคงกังวลใจอยู่เหมือนกันในทีแรกว่าหากย้ายทีมไปแล้วจะไม่ได้แชมป์อะไรติดไม้ติดมือเลย แต่ในตอนนี้เขาคงดีขึ้นและสงบใจขึ้นบ้างแล้ว”
“เขาเรียนรู้เรื่องการยืนตำแหน่ง การทำหน้าที่ตัวเองทำแทคติก เกมการเล่นยามไม่มีบอลของเขาพัฒนาขึ้นตลอดระยะเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา พูดถึงตอนเล่นที่ แอสตัน วิลลา มันค่อนข้างพิเศษ เขาเป็นคนที่ให้ความหวังกับทีม การคัมแบ็ค นำพวกบอลขึ้นหน้าไปเองพร้อมรับอิสระอย่างเต็มที่ในการเล่น” https://www.nasmanlaw.com/
“กับที่นี่มันต่างกันออกไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำมาโดยตลอด ผมไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะต้องยิง 20 ประตูหรือแอสซิสต์ให้มากเข้าไว้ เขาอาจจะเป็นตัวป้อนบอลให้เพื่อนไปเล่นกันต่อหรือเป็นคนจ่ายให้คนอื่นไปแอสซิสต์ ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่แตกต่างจากเดิมมากทีเดียวนะ”
โอเวน ชี้ 2 แข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด มีสิทธิ์รุ่งหากย้ายซบ ลิเวอร์พูล-แมนฯซิตี้ ไมเคิล โอเวน อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษให้สัมภาษณ์กับทาง โดยเชื่อว่าหาก ปอล ป็อกบา และ อังเคล ดิ มาเรีย อดีตผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลือกย้ายไปเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล หรือแมนเชสเตอร์ซิตี้ทั้งคู่สามารถกลายเป็นนักเตะชั้นยอดและประสบความสำเร็จได้
ทีม ปีศาจแดง เสริมทัพด้วยนักเตะชั้นนำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสและปีกอาร์เจนไตน์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่พวกเขากลับไม่ทำผลงานได้อย่างที่ควรจะเป็น โดย ดิ มาเรีย อยู่กับทีมได้เพียงซีซันเดียวก่อนจะย้ายไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในขณะที่ ป็อกบา ก็กำลังจะย้ายออกจากทีมแบบไม่มีค่าตัว โอเวน เชื่อว่าหากทั้งคู่ได้เล่นกับทีมคู่ปรับอย่าง ลิเวอร์พูล หรือแมนฯ ซิตี้พวกเขาอาจมีอนาคตที่ดีกว่านี้
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญากับยอดนักเตะอย่าง ดิ มาเรีย หรือ ป็อกบา ไม่มีใครบอกว่ามันจะไม่เวิร์ค ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือนักเตะที่ยอดเยี่ยม และพนันได้เลยว่าถ้าทั้ง 2 คนย้ายไปเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล หรือแมนฯ ซิตี้พวกเขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ได้”
“แต่มันดูเหมือนว่าเมื่อทุกอย่างไปเป็นด้วยดี มันก็จะดีไปหมด ในทีม ลิเวอรืพูล พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ทุกอย่างราบรื่น แต่ที่ ยูไนเต็ด ดูเหมือนอะไรก็ไม่เป็นใจ และมันยากมากที่คุณจะประสบความสำเร็จได้” โอเวน ระบุ
ก่อน ฮาแลนด์-อัลวาเรซ ย้อนดู 7 หัวหอกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เคยคว้าตัวมาร่วมงานตลอดอาชีพการเป็นกุนซือ
ซัมเมอร์ที่จะถึงนี้แมนเชสเตอร์ ซิตี้กำลังจะได้ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เป็นกองหน้ารายใหม่ถึงสองคน ทั้ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ ณ ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก และอีกรายที่เพิ่งซัดมา 6 ประตูในเกมเดียวให้กับ ริเวอร์เพลท ในรายการ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส อย่าง ฆูเลียน อัลวาเรซ
นี่อาจเป็นกุญแจสำคัญที่นำพา เป๊ป กวาร์ดิโอลา ไปถึงฝั่งฝันในรายการ ยุโรป เสียที เพราะแม้จะต้องเล่นโดยปราศจากกองหน้าระดับอ๋องอย่างทีมอื่นมาทั้งฤดูกาลเพราะโดน แฮร์รี่ เคน หักอกขออยู่ค้าแข้งใน ลอนดอน ต่อไป แต่พวกเขาก็ยังอุตส่าห์รักษาตำแหน่งแชมป์ลีกเอาไว้จนได้
อย่างไรก็ดี สถิติการเสริมทัพในตำแหน่งกองหน้าของกุนซือสมองใสชาว สแปนิช รายนี้อาจจะดูพิกลๆนัก ทั้งกับ บาร์เซโลนา มาจนถึง บาเยิร์น มิวนิค และแมนฯ ซิตี้ในปัจจุบัน – เรามาย้อนดูกันเสียหน่อยไหม? *ลำดับตามฝีเท้าจากไม่ค่อยเข้าทีไปจนถึงระดับพระกาฬ
โอลาเรนวาจู คาโยเด ในปี 2017 กองหน้าชาว ไนจีเรีย รายนี้ ถูกคว้าตัวมาจาก ออสเตรีย เวียน เมื่อเจ้าตัวทำไป 24 ประตูจาก 48 เกม แต่เมื่อไม่ได้รับใบอนุญาตทำงานในประเทศ อังกฤษ เขาจึงถูกส่งตัวไปเก็บเกี่ยวประกบการร์กับ ฆิโรนา ทีมพี่ทีมน้องกับ เรือใบสีฟ้า ใน ประเทศ สเปน ผลบอลสดภาษาไทย
น่าเสียดายที่ตลอด 13 เกมเขาทำประตูไม่ได้เลย ซึ่งนั่นก็แปลว่าเขาอาจจะดีไม่พอสำหรับการย้ายมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ด้วย – ท้ายที่สุด การคัมแบ็ค เขาถูกปล่อยตัวต่อไปให้ ชัคตาร์ โดเน็ตสค์
และล่าสุดแบบยืมตัวกับ ซิวาสสปอร์ ในลีก ตุรกี เคอร์ริสัน ย้ายมายัง บาร์เซโลนา ในปี 2009 หลังเพิ่งสร้างความฮือฮาจากการกดไป 89 ประตูจาก 158 เกม ให้กับ พัลไมรัส และ คอริติบา ที่ลีกบ้านเกิด
แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ กวาร์ดิโอลา ต้องการให้เขากระดูกแข็งกว่านี้เสียก่อน จึงเที่ยวส่งเจ้าเขาไปยังทีมนู้นที ทีมนั้นที ก่อนที่จะค่อยๆหายไปในที่สุด
อเล็กซิส ซานเชส หลังคว้าแชมป์ ยุโรป มาหมาดๆ บาร์เซโลนา ไม่รอช้า ปาดหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ปิดดีลคว้าตัวดาวรุ่งชาว ชิลี มาร่วมทีมจาก อูดิเนเซ ในบัดดล
กวาร์ดิโอลา ใช้ความสารพัดประโยชน์ของเขาเพื่อความลื่นไหลทางแทคติกจนเปลี่ยนเกมได้นับครั้งไม่ถ้วน โดยหนที่ลือลั่นที่สุดคงหนีไม่พ้นการการคัมแบ็คเอาชนะ เรอัล มาดริด ถึง เบอร์นาเบว ด้วยสกอร์ 3-1 ในเกมดังกล่าว เป๊ป เริ่มต้นด้วยการยืนตำแหน่ง 4-3-3 ตามปกติ ก่อนจะปรับมาเป็น 3-1-4-1-1 และได้ ซานเชส นี่แหละที่เป็นผู้ยิงประตูตีไข่แตกให้ต้นสังกัด
น่าเสียดายที่เขามาพลาดง่ายๆในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เชลซี รอบรองชนะเลิศ จนถูกเขี่ยตกรอบไปอย่างเหนือความคาดหมาย ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ซลาตัน กับความแข็งแกร่งของเขาสร้างความแตกต่างให้ บาร์เซโลนา ได้มาก และอันที่จริงเขายังเปิดตัวได้อย่างดุดันด้วยการทำไปถึง 7 ประตูจาก 7 เกมลีกแรก
กระนั้นฟอร์มของเขาก็ยังถูกรัศมีของ เมสซี่ ที่เล่นอยู่ด้านข้างบดบัง พร้อมๆกับความมึนตึงกับผู้จัดการทีมที่มาคุขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดเขาก็จำต้องย้ายออกไป และแม้มันอาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชายอีโก้จัดผู้นี้ แต่มันก็คงจะเกินไปนิดหากจะบอกว่าเขาล้มเหลวที่ คัมป์ นู
